วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ชมพู่ทูลเกล้า





    ลักษณะ
                       ชมพู่เป็นไม่ผลทรงพุ่มขนาดกลางเจริญเติบโตได้ดีทั่วไปในประเทศไทย ชอบสภาพดินร่วน และดินร่วนเหนียว ที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง
              มีปริมาณน้ำฝนสม่ำเสมอ(ประมาณ) สภาพความเป็นกรดเป็นด่าง 5.5-6.5 หลังจากปลูกจะเริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุประมาณ 2 ปี               และให้ผลต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20 ปีช่องออกดอกจนถึงดอกบานจะใช้ระยะเวลา 20-25 วัน หลังจากดอกบานถึงผลแก่ประมาณ 30-45 วัน เมื่ออายุ 5-8 ปี
              ใน 1 กก. จะมีผลประมาณ 8-12 ผล ปกติชมพู่จะออกดอกในช่วง เดือนกุมภาพันธุ์ - เมษายน และสามารถบังคับให้ออกดอกทะวายเพื่อให้ออก              ในช่วงเดือนอื่น ๆ ได้

วิธีการปลูก
               1.  ใช้ต้นพันธุ์ชมพู่ที่ได้จากการตอนกิ่งหรือปักชำ
               2.  ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน
               3.  ควรขุดหลุมปลูกให้มีขนาดกว้างและลึกประมาณ 50 ซม.
               4.  ผสมดินปุ๋ยคอกจำนวน 5 กิโลกรัม และปุ๋ยร็อคฟอสแฟตจำนวน 500 กรัม เข้าด้วยกันในหลุมให้สูงประมาณ 2 ใน 3 ของหลุม
               5. ยกถุงกล้าต้นไม้วางในหลุมโดยระดับของดินในถุงสูงกว่าระดับดินปากหลุมเล็กน้อย
               6.  ใช้มีดที่คมกรีดถุงจากก้นถุงขึ้นมาถึงปากถุงทั้ง 2 ด้าน (ซ้ายและขวา)
               7.  ดึงถุงพลาสติกออก โดยระวังอย่าให้ดินแตก
               8. กลบดินที่เหลือลงในหลุม
               9.  กดดินบริเวณโคนต้นให้แน่น
               10. ปักไม้หลักและผูกเชือกยึดเพื่อป้องกันลมโยก
               11.  หาวัสดุคลุมดินบริเวณโคนต้นเช่นฟางข้าว หญ้าแห้ง
               12.  รดน้ำให้ชุ่ม
               13. ทำร่มเงาเพื่อช่วยพรางแสงแดด

ระยะปลูก
               6 x 6 เมตร ( แบบยกร่อง 5 x 7.5 เมตร)
               45 ต้น/ไร่ (แบบยกร่องปลูกได้ประมาณ 40 ต้น/ไร่)

การให้ปุ๋ย
              บำรุงต้น ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-16 หรือ 15-15-15
              สร้างตาดอก ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 12-24-12 หรือ 8-24-24
              บำรุงผล ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16
              ปรับปรุงคุณภาพผลผลิต ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 ส่วนปริมาณการใช้ปุ๋ย 1- 2 กิโลกรัม / ต้น / ไร สำหรับต้นชมพู่อายุ 8 ปี
               และเพิ่มปริมาณมากขึ้น ตามอายุและทรงพุ่ม
การให้น้ำ
                       •  ระยะเริ่มปลูกควรให้น้ำวันละครั้ง
                       •  ระยะก่อนติดผล ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง โดยให้แต่ละครั้งจนดินมีความชุมชื้นเต็มที่
                       •  ระยะติดผลควรให้น้ำ 2-3 วัน/ครั้ง ถ้าดินเก็บความชื้นไม่ดีควรให้ทุกวันหรือวันเว้นวัน ควรให้น้ำ เต็มแอ่งรอบต้น และควรงดน้ำก่อนเก็บผล                           ประมาณ 7-10 วัน  เพื่อให้ชมพู่มีความหวานขึ้น

การปฏิบัติอื่นๆ 
         การตัดแต่งกิ่งจะนิยมทำการตัดให้สูงจากพื้นดินประมาณ 2 เมตร เพื่อง่ายต่อการเก็บการจัดทรงพุ่มการห่อผล และการตัดแต่งกิ่งหลังจากเก็บผลผลิตแล้ว ช่วงที่ติดดอกต้องตัดแต่งดอกออกด้วย โดยให้เหลือในช่อได้แล้วแต่ความเหมาะสมหรือกิ่งหนึ่งไว้ประมาณ 4-5 ช่อ ๆละ 3-4 ผลช่อที่อยู่ใกล้ๆยอดไม่ควรเก็บไว้ เหลือไว้เฉพาะช่อดอกภายในทรงพุ่ม จะทำให้ผลผลิตดีกว่า

การป้องกันกำจัดศัตรูพืช 
         การตัดแต่งกิ่งจะนิยมทำการตัดให้สูงจากพื้นดินประมาณ 2 เมตร เพื่อง่ายต่อการเก็บการจัดทรงพุ่ม การห่อผล และการตัดแต่งกิ่งหลังจากเก็บผลผลิตแล้ว ช่วงที่ติดดอกต้องตัดแต่งดอกออกด้วยโดยให้เหลือในช่อได้แล้วแต่ความเหมาะสมหรือกิ่งหนึ่งไว้ประมาณ 4-5 ช่อๆละ 3-4 ผลช่อที่อยู่ใกล้ๆยอดไม่ควรเก็บไว้เหลือไว้เฉพาะช่อดอกภายในทรงพุ่ม จะทำให้ผลผลิตดีกว่า

การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
         •  ระยะติดผลให้ป้องกันโรคแอนแทรคโนสหรือผลเน่า โดยการพ่นสารเบนเลทหรือคาร์เบนดาร์ซิล
         •  แมลงวันทองป้องกันโดยการห่อผลหรือพ่นสารโดเมทโทเอท โมโนโครโตรฟอสหรือเหยื่อพิษ
             สารเมธธิลยูจินอลผสมกับมาลาไธออน
         •  หนอนแดงจะเจาะกินผลในช่วงดอกตูมๆอยู่ ป้องกันโดยใช้เมธาดิโดฟอส
         •  เพลี้ยไฟกัดกินน้ำเลี้ยงจากใบอ่อน ยอดอ่อน ช่อดอก ป้องกันโดยใช้สารไดเมทโธเอท


การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว
        ก่อนเก็บเกี่ยว โดยเริ่มห่อผลหลังจากดอกบานแล้วประมาณ 7 วัน ในช่วงที่ดอกเริ่มมีการพัฒนาเป็นรูปร่างของผลที่ชัดเจนควรปลิดให้เหลือช่อละ 3-4 ผลเท่านั้น โดยใช้ถุงพลาสติก ขนาด 6 x 14 นิ้ว เจาะรูไม่ต่ำกว่า 8 รู เพื่อจะช่วยให้ชมพู่มีผิวสวยขึ้น และป้องกันแมลงวันผลไม้
การเก็บเกี่ยว เริ่มเก็บเกี่ยวได้หลังจากดอกบานแล้ว 30-35 วัน หรือ 25-30 วัน หลังห่อผล ควรเก็บเกี่ยวในช่วงเช้า โดยสังเกตลักษณะผิว โดยสีผิวจะเปลี่ยนและมีผลขนาดใหญ่ขึ้น ควรใช้กรรไกรตัดบริเวณขั้วในที่มือเอื้อมไม่ถึง หรือใช้ตะกร้อผ้าทำเป็นถุงรองรับผล และที่สำคัญคือ อย่าให้ผลผลิตช้ำ หรือเสียหาย
การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว นำมาไว้ในโรงเรือน พร้อมทั้งทำความสะอาด และคัดขนาดผลโดยเลือกผลที่เน่าเสีย หรือไม่ได้คุณภาพ จากนั้นนำไปบรรจุลงในเข่งหรือตะกร้า โดยพื้นจะต้องบุด้วยใบตองเพื่อป้องกันผลช้ำ

การเก็บรักษา
  •  ถ้าเก็บรักษาในอุณหภูมิ 15-17 องศา จะเก็บได้ประมาณ 10-15 วัน  
  •  กรณีส่งออกจะเก็บอุณหภูมิ 5 องศา จะเก็บได้ประมาณ 30 วัน

อ้างถึง

http://www.aopdh01.doae.go.th/Waxaapple2.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น