ลักษณะ
ชมพู่เป็นไม่ผลทรงพุ่มขนาดกลางเจริญเติบโตได้ดีทั่วไปในประเทศไทย ชอบสภาพดินร่วน และดินร่วนเหนียว ที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง
มีปริมาณน้ำฝนสม่ำเสมอ(ประมาณ) สภาพความเป็นกรดเป็นด่าง 5.5-6.5 หลังจากปลูกจะเริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุประมาณ 2 ปี และให้ผลต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20 ปีช่องออกดอกจนถึงดอกบานจะใช้ระยะเวลา 20-25 วัน หลังจากดอกบานถึงผลแก่ประมาณ 30-45 วัน เมื่ออายุ 5-8 ปี
ใน 1 กก. จะมีผลประมาณ 8-12 ผล ปกติชมพู่จะออกดอกในช่วง เดือนกุมภาพันธุ์ - เมษายน และสามารถบังคับให้ออกดอกทะวายเพื่อให้ออก ในช่วงเดือนอื่น ๆ ได้
วิธีการปลูก
1. ใช้ต้นพันธุ์ชมพู่ที่ได้จากการตอนกิ่งหรือปักชำ
2. ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน
3. ควรขุดหลุมปลูกให้มีขนาดกว้างและลึกประมาณ 50 ซม.
4. ผสมดินปุ๋ยคอกจำนวน 5 กิโลกรัม และปุ๋ยร็อคฟอสแฟตจำนวน 500 กรัม เข้าด้วยกันในหลุมให้สูงประมาณ 2 ใน 3 ของหลุม
5. ยกถุงกล้าต้นไม้วางในหลุมโดยระดับของดินในถุงสูงกว่าระดับดินปากหลุมเล็กน้อย
6. ใช้มีดที่คมกรีดถุงจากก้นถุงขึ้นมาถึงปากถุงทั้ง 2 ด้าน (ซ้ายและขวา)
7. ดึงถุงพลาสติกออก โดยระวังอย่าให้ดินแตก
8. กลบดินที่เหลือลงในหลุม
9. กดดินบริเวณโคนต้นให้แน่น
10. ปักไม้หลักและผูกเชือกยึดเพื่อป้องกันลมโยก
11. หาวัสดุคลุมดินบริเวณโคนต้นเช่นฟางข้าว หญ้าแห้ง
12. รดน้ำให้ชุ่ม
13. ทำร่มเงาเพื่อช่วยพรางแสงแดด
ระยะปลูก
6 x 6 เมตร ( แบบยกร่อง 5 x 7.5 เมตร)
45 ต้น/ไร่ (แบบยกร่องปลูกได้ประมาณ 40 ต้น/ไร่)
การให้ปุ๋ย
บำรุงต้น ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-16 หรือ 15-15-15
สร้างตาดอก ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 12-24-12 หรือ 8-24-24
บำรุงผล ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16
ปรับปรุงคุณภาพผลผลิต ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 ส่วนปริมาณการใช้ปุ๋ย 1- 2 กิโลกรัม / ต้น / ไร สำหรับต้นชมพู่อายุ 8 ปี
และเพิ่มปริมาณมากขึ้น ตามอายุและทรงพุ่ม
การให้น้ำ
• ระยะเริ่มปลูกควรให้น้ำวันละครั้ง
• ระยะก่อนติดผล ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง โดยให้แต่ละครั้งจนดินมีความชุมชื้นเต็มที่
• ระยะติดผลควรให้น้ำ 2-3 วัน/ครั้ง ถ้าดินเก็บความชื้นไม่ดีควรให้ทุกวันหรือวันเว้นวัน ควรให้น้ำ เต็มแอ่งรอบต้น และควรงดน้ำก่อนเก็บผล ประมาณ 7-10 วัน เพื่อให้ชมพู่มีความหวานขึ้น
การปฏิบัติอื่นๆ
การตัดแต่งกิ่งจะนิยมทำการตัดให้สูงจากพื้นดินประมาณ 2 เมตร เพื่อง่ายต่อการเก็บการจัดทรงพุ่มการห่อผล และการตัดแต่งกิ่งหลังจากเก็บผลผลิตแล้ว ช่วงที่ติดดอกต้องตัดแต่งดอกออกด้วย โดยให้เหลือในช่อได้แล้วแต่ความเหมาะสมหรือกิ่งหนึ่งไว้ประมาณ 4-5 ช่อ ๆละ 3-4 ผลช่อที่อยู่ใกล้ๆยอดไม่ควรเก็บไว้ เหลือไว้เฉพาะช่อดอกภายในทรงพุ่ม จะทำให้ผลผลิตดีกว่า
การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
การตัดแต่งกิ่งจะนิยมทำการตัดให้สูงจากพื้นดินประมาณ 2 เมตร เพื่อง่ายต่อการเก็บการจัดทรงพุ่ม การห่อผล และการตัดแต่งกิ่งหลังจากเก็บผลผลิตแล้ว ช่วงที่ติดดอกต้องตัดแต่งดอกออกด้วยโดยให้เหลือในช่อได้แล้วแต่ความเหมาะสมหรือกิ่งหนึ่งไว้ประมาณ 4-5 ช่อๆละ 3-4 ผลช่อที่อยู่ใกล้ๆยอดไม่ควรเก็บไว้เหลือไว้เฉพาะช่อดอกภายในทรงพุ่ม จะทำให้ผลผลิตดีกว่า
การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
• ระยะติดผลให้ป้องกันโรคแอนแทรคโนสหรือผลเน่า โดยการพ่นสารเบนเลทหรือคาร์เบนดาร์ซิล
• แมลงวันทองป้องกันโดยการห่อผลหรือพ่นสารโดเมทโทเอท โมโนโครโตรฟอสหรือเหยื่อพิษ
สารเมธธิลยูจินอลผสมกับมาลาไธออน
• หนอนแดงจะเจาะกินผลในช่วงดอกตูมๆอยู่ ป้องกันโดยใช้เมธาดิโดฟอส
• เพลี้ยไฟกัดกินน้ำเลี้ยงจากใบอ่อน ยอดอ่อน ช่อดอก ป้องกันโดยใช้สารไดเมทโธเอท
การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว
ก่อนเก็บเกี่ยว โดยเริ่มห่อผลหลังจากดอกบานแล้วประมาณ 7 วัน ในช่วงที่ดอกเริ่มมีการพัฒนาเป็นรูปร่างของผลที่ชัดเจนควรปลิดให้เหลือช่อละ 3-4 ผลเท่านั้น โดยใช้ถุงพลาสติก ขนาด 6 x 14 นิ้ว เจาะรูไม่ต่ำกว่า 8 รู เพื่อจะช่วยให้ชมพู่มีผิวสวยขึ้น และป้องกันแมลงวันผลไม้
การเก็บเกี่ยว เริ่มเก็บเกี่ยวได้หลังจากดอกบานแล้ว 30-35 วัน หรือ 25-30 วัน หลังห่อผล ควรเก็บเกี่ยวในช่วงเช้า โดยสังเกตลักษณะผิว โดยสีผิวจะเปลี่ยนและมีผลขนาดใหญ่ขึ้น ควรใช้กรรไกรตัดบริเวณขั้วในที่มือเอื้อมไม่ถึง หรือใช้ตะกร้อผ้าทำเป็นถุงรองรับผล และที่สำคัญคือ อย่าให้ผลผลิตช้ำ หรือเสียหาย
การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว นำมาไว้ในโรงเรือน พร้อมทั้งทำความสะอาด และคัดขนาดผลโดยเลือกผลที่เน่าเสีย หรือไม่ได้คุณภาพ จากนั้นนำไปบรรจุลงในเข่งหรือตะกร้า โดยพื้นจะต้องบุด้วยใบตองเพื่อป้องกันผลช้ำ
การเก็บรักษา
• ถ้าเก็บรักษาในอุณหภูมิ 15-17 องศา จะเก็บได้ประมาณ 10-15 วัน
• กรณีส่งออกจะเก็บอุณหภูมิ 5 องศา จะเก็บได้ประมาณ 30 วัน
อ้างถึง
http://www.aopdh01.doae.go.th/Waxaapple2.html