วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558



ชมพู่เพชรสายรุ้ง


ชมพู่เพชรสายรุ้ง มีแหล่งปลูกเดิมที่ จ.เพชรบุรี โดยในตอนแรกมีชื่อเรียกตามพื้นที่ปลูกว่า “ชมพู่เพชรบุรี” และด้วยความอร่อยมีรสชาติหวานกรอบหอมกว่าชมพู่พันธุ์ใดๆที่มีปลูกในประเทศไทยและต่างประเทศ จึงมีชื่อเรียก ตามมาอีกหลายชื่อ เช่น “ชมพู่เพชรสายรุ้ง” และ “ชมพู่สายน้ำผึ้ง” เป็นต้น ซึ่งก็คือ “ชมพู่เพชรบุรี” นั่นเอง ส่วนลักษณะเด่นประจำพันธุ์คือ จะมีดอกและติดผลให้เก็บรับประทานหรือเก็บผลขายได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งก็ตรงกับเทศกาลตรุษจีนพอดี เลยทำให้ผู้ปลูกในเชิงพาณิชย์ เก็บผลออกขายได้ราคาดีถึงกิโลกรัมละ 150–300 บาท เลยทีเดียว ส่วนใหญ่จะมีวางขายเฉพาะตลาดผลไม้ใหญ่ๆและตามห้างสรรพสินค้าดังๆเท่านั้น ที่มีขายทั่วไปและผู้ขายบอกว่าชมพู่เพชรนั้นเป็นคนละพันธุ์กัน
สำหรับ วิธีดูว่าผลไหนเป็น “ชมพู่เพชรสายรุ้ง” ให้สังเกตที่ผลของ “ชมพู่เพชรสายรุ้ง” จะเป็นทรงระฆังคว่ำทุกผล ผลมีขนาดใหญ่ สีของผลเป็นสีเขียวปนชมพูและมีแถบหรือลายเส้นสีชมพูเป็นแนวตามยาวของผล บริเวณก้นผลจะตัดตรง ซึ่งชมพู่สายพันธุ์อื่นจะแตกต่างอย่างชัดเจน ที่สำคัญครีบบริเวณก้นผลจะม้วนเข้าไม่กางออกเหมือนชมพู่ทั่วไปที่จะกางออก เนื้อผลของ “ชมพู่เพชรสายรุ้ง” จะหนากว่าเทียบกันได้ชัดเจน เนื้อเป็นสีขาว แน่นกรอบ รสชาติหวานสูงกว่าเนื้อชมพู่พันธุ์ใดๆ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รับประทานอร่อยมาก
ชมพู่เพชรสายรุ้ง หรือ EUQENIA JAVANICA LARNK ชื่อสามัญ ROSE APPLE อยู่ในวงศ์ MYRTACEAE ปัจจุบันสามารถตัดแต่งต้นให้เตี้ย สูงแค่ 2-3 เมตรได้ เพื่อสะดวกในการเก็บผลนั่นเอง

ชมพู่เพชรสายรุ้ง” ผลไม้ขึ้นชื่อของ จ.เพชรบุรี มีความโดดเด่นที่รสชาติความหวานกรอบอร่อย จนได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดผลไม้ ใครที่ไปเพชรบุรีต่างหาซื้อชมพู่ติดไม้ติดมือไปเป็นของฝาก โดยเฉพาะหน้าร้อนเป็นโอกาสที่ดีที่ชมพู่กำลังออกผลจึง
ไม่ควรพลาดที่จะซื้อมาฝากผู้หลักผู้ใหญ่ อย่างเกรดเอนั้น ตกกิโลกรัมละราวๆ 300 บาทเลยทีเดียว (ขึ้นอยู่กับจำนวนผลผลิต) หากใครจะไปหาซื้อชมพู่ที่สวนไพฑูรย์ ธาตุทอง ใน ต.ท่าแร้งออก อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ที่ได้ชื่อว่าเป็นชาวสวนดั้งเดิมที่ปลูกชมพู่เพชรสายรุ้งได้มีรสชาติดี เพราะมีการพัฒนาสายพันธ์ุมานานกว่า 40 ปี ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อจนมีรสชาติที่อร่อยก็ต้องสั่งจองอย่างน้อย1 สัปดาห์ แต่หากสนใจจะซื้อเป็นต้นเพื่อนำไปปลูกที่บ้าน ตกต้นละ 5,000 บาทเลยทีเดียว

เสน่ห์ของชมพู่เพชรสายรุ้งที่แตกต่างจากชมพู่ทั่วๆ ไป คือ มีรสชาติหวานกรอบ เนื้อแน่น รสชาติของชมพู่นั้น คุณลุงไพฑูรย์เล่าว่า รสชาติจะอยู่ที่วิธีการปลูกและดูแลรักษาต้นชมพู่ โดยสวนชมพู่ของที่นี่จะมีวิธีการดูแลที่แตกต่างจากสวนอื่น  กล่าวคือใช้วิธีการเก็บผลผลิตในช่วงที่ชมพู่แก่โดยไม่ต้องรดน้ำ เพราะชมพู่จะดูดน้ำเข้าไปทำให้เนื้อจืด ไม่หวาน “ชมพู่เพชรเรามีการพัฒนาสายพันธุ์มาเรื่อยๆ ปลูกชมพู่ให้อร่อยขึ้นอยู่กับน้ำปรุง คือน้ำที่เราลดลงไปในดิน ดินแต่ละที่ปลูกชมพู่ได้มีรสชาติหวานไม่เหมือนกัน เพราะดินมีทั้งคลายน้ำง่าย คลายน้ำยาก การรดน้ำถ้าฝนตกการเกษตรผลไม้จะ ไม่ค่อยมีรสหวาน จากลูกค้าสั่ง 5-10 กิโลกรัม จากควรขาย 300 บาท อาจจะลดราคาลงเพราะรสชาติจะจืดลง” ชมพู่เพชรสายรุ้งมีผลผลิตกินตลอดทั้งปี แต่รสชาติไม่เหมือนกัน ช่วงหน้าร้อนรสชาติจะอร่อยที่สุด แต่ลูกไม่โต เนื้อแข็งถ้าจะให้กินอร่อยต้องกินช่วงเดือน ก.พ. มี.ค. ลูกค้าจะชอบใจในรสชาติที่หวาน แต่อยากกินหวานจัดต้องเดือน เม.ย. พ.ค.แต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่มีฝนตก แต่ผลจะเล็ก จึงไม่ควรนำไปฝากผู้ใหญ่ ถ้าจะซื้อไปฝากเจ้านายลุงไพฑูรย์แนะว่าต้องมาราวๆ เดือน ม.ค. ก.พ. ยังมีรสชาติหวานโอเคอยู่ และผลโต สีสวยด้วย